1 คงต้องออกกำลังกายเพื่อระบายฮอร์โมนแห่งความเครียดออกไปให้หมด จะ เป็นการออกกำลังกายระหว่างการทำงาน เช่น การเดินขึ้นลงบันได หรือจะเป็นการเล่นกีฬา หรือทำงาน บ้านในตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือในวันหยุดก็ได้ การออกกำลังกายจนได้เหงื่อจะกระตุ้นให้ ร่างกายหลั่ง ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ช่วยให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นกระปรี้กระเปร่า 2 คือต้องพักผ่อนให้พอ ไม่จำเป็นอย่าเอางานกลับไปทำที่บ้าน ต้องรู้จัก บริหารเวลา เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนส่วนตัวและมีเวลาให้ครอบครัวด้วย อย่าลืมว่าเครื่องจักรยังต้องมีเวลา หยุดพัก และซ่อมบำรุง คุณเองก็เช่นกันต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างเพื่อจะได้มีพลังสำหรับการทำงานในวันต่อไป 3 คือการพูดคุยปรึกษาปัญหาที่คุณหนักใจกับคนใกล้ชิด แม้บางครั้งเขาอาจ ช่วยคุณแก้ปัญหาไม่ได้ แต่การได้พูดสิ่งที่อัดอั้นในใจออกไป และได้คำปลอบประโลมกลับมา คุณจะรู้สึก ดีขึ้น สบายใจขึ้น และเมื่อใจสบาย สมองปลอดโปร่ง ก็อาจคิดแก้ปัญหาได้ในเวลาต่อมา 4 คือการรู้จักปรับเปลี่ยนความคิด อย่าเอาแต่วิตกกังวลให้มากเกินไป ลองคิดใน หลายๆ แง่มุม คิดในสิ่งดีๆ คิดอย่างมีความหวังบ้าง และอย่าคิดหมกมุ่น แต่ปัญหาของตัวเอง คิดถึงคนอื่น บ้าง ยังมีคนลำบากกว่าคุณอีกมาก จะได้มีกำลังใจต่อสู้ปัญหาต่อไป 5 คือการฝึกเทคนิคคลายเครียด เช่น การหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องพองออก และ หายใจออกช้าๆ ให้ท้องแฟบลง จะช่วยชะลอความโกรธ คลายความกังวล ลดความกลัว และความตื่น เต้นลงได้ นอกจากนี้ควรฝึกสมาธิเพื่อสงบจิตใจ โดยมีสติอยู่กับลมหายใจเข้าออก จะช่วยคลายเครียดได้เป็น อย่างดี ที่มา : สสส.
2 Grace คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว นิวแฟรนไชส์ คือ ธุรกิจแฟรนไชส์สายพันธุ์ใหม่ ที่ให้ผู้ลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจเต็มตัวในยี่ห้อของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ น้ำคลอโรฟิลล์ใบหม่อน ในแคปซูล นวัตกรรมใหม่จากอเมริกา คลอโรฟิลล์และอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ หารายได้เสริม ทำง่าย ให้ผลตอบแทนมากถึง 12 ช่องทาง น้ำคลอโรฟิลเพื่อสุขภาพ แฟรนไชน์ ในแบรนด์คุณเอง ขายง่ายคืนทุนไว สินค้าขายง่าย ขายดี ติดตลาด กำไรดี ขยายสาขาง่ายได้ทั่วประเทศ ลงทุนน้อย และมั่งคง สนใจติดต่อ 086-3003182
วิธีลดความเครียดในการทำงาน
1 คงต้องออกกำลังกายเพื่อระบายฮอร์โมนแห่งความเครียดออกไปให้หมด จะ เป็นการออกกำลังกายระหว่างการทำงาน เช่น การเดินขึ้นลงบันได หรือจะเป็นการเล่นกีฬา หรือทำงาน บ้านในตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือในวันหยุดก็ได้ การออกกำลังกายจนได้เหงื่อจะกระตุ้นให้ ร่างกายหลั่ง ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ช่วยให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นกระปรี้กระเปร่า 2 คือต้องพักผ่อนให้พอ ไม่จำเป็นอย่าเอางานกลับไปทำที่บ้าน ต้องรู้จัก บริหารเวลา เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนส่วนตัวและมีเวลาให้ครอบครัวด้วย อย่าลืมว่าเครื่องจักรยังต้องมีเวลา หยุดพัก และซ่อมบำรุง คุณเองก็เช่นกันต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างเพื่อจะได้มีพลังสำหรับการทำงานในวันต่อไป 3 คือการพูดคุยปรึกษาปัญหาที่คุณหนักใจกับคนใกล้ชิด แม้บางครั้งเขาอาจ ช่วยคุณแก้ปัญหาไม่ได้ แต่การได้พูดสิ่งที่อัดอั้นในใจออกไป และได้คำปลอบประโลมกลับมา คุณจะรู้สึก ดีขึ้น สบายใจขึ้น และเมื่อใจสบาย สมองปลอดโปร่ง ก็อาจคิดแก้ปัญหาได้ในเวลาต่อมา 4 คือการรู้จักปรับเปลี่ยนความคิด อย่าเอาแต่วิตกกังวลให้มากเกินไป ลองคิดใน หลายๆ แง่มุม คิดในสิ่งดีๆ คิดอย่างมีความหวังบ้าง และอย่าคิดหมกมุ่น แต่ปัญหาของตัวเอง คิดถึงคนอื่น บ้าง ยังมีคนลำบากกว่าคุณอีกมาก จะได้มีกำลังใจต่อสู้ปัญหาต่อไป 5 คือการฝึกเทคนิคคลายเครียด เช่น การหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องพองออก และ หายใจออกช้าๆ ให้ท้องแฟบลง จะช่วยชะลอความโกรธ คลายความกังวล ลดความกลัว และความตื่น เต้นลงได้ นอกจากนี้ควรฝึกสมาธิเพื่อสงบจิตใจ โดยมีสติอยู่กับลมหายใจเข้าออก จะช่วยคลายเครียดได้เป็น อย่างดี ที่มา : สสส.
แก้ปัญหากรดไหลย้อน ด้วย คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว !
แก้ปัญหากรดไหลย้อน ด้วย คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว !
GERD คือภาวะกรดในกระเพาะไหลย้อนกลับ(GER) ที่มีระดับความรุนแรงสูงเนื่องจากเกิดภาวะไหลย้อนกลับบ่อยและเป็นเวลานาน ซึ่งเกิดจากความผิดปกติในการปิด-เปิด ของหูรูดระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ทาให้กรดหรือน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหารพร้อมกับอาหารที่ทานเข้าไป
เมื่อน้าย่อยเข้าสู่หลอดอาหารถึงบริเวณลำคอจะทำให้เกิดภาวะความเจ็บปวดรุนแรงบริเวณหน้าอกที่เรียกว่า Heartburn ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็จะเข้าใจว่าเหมือนหัวใจถูกเผา
ภาวะไหลย้อนกลับที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และถือเป็นเรื่องปกติ ไม่จาเป็นต้องเป็นโรค GERD เสมอไป การจะสรุปว่าเป็นโรค GERD นั้นจะต้องเป็นภาวะที่มีมานานต่อเนื่องคงที่และเกิดขึ้นมากกว่า 2 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ จนทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย
สาเหตุหลักเกิดจากการทางานที่ผิดพลาดของกล้ามเนื้อหูรูดระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ในบางรายก็มีสาเหตุไม่แน่ชัด มีงานวิจัยที่แสดงว่าการเกิดเนื้องอกในทางเดินอาหารก็มีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ได้ แต่ผู้ที่มีเนื้องอกบางรายก็ไม่เกิดอาการของโรคนี้ ปัจจัยอื่นๆที่อาจจะเป็นสาเหตุของโรค มีดังนี้ ความอ้วน, การตั้งครรภ์ ,การสูบบุหรี่, การรับประทานอาหารรสจัด ,เครื่องดื่มแอลกฮอล์ การรับประทานอาหารแล้วไปออกกาลังกาย อีกสาเหตุใหญ่ที่ทาให้เกิดอาการกรดไหลย้อนกันมากในปัจจุบัน คือการรับประทานอาหารมื้อดึกแล้วเข้านอนเลยทันที (ควรงดอาหาร 3-4 ชม. ก่อนเข้านอน)
การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงก็ช่วยลดโอกาสของการเกิดโรคกรดไหลย้อน ในทางการรักษาคุณหมอจะแนะนาให้รับประทานกลุ่มยาลดกรด ยาหยุดการผลิตกรด หรือยาลดการผลิตกรด
สาหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยอาหารเสริม คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้คุณลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคกรดไหลย้อน และช่วยให้ผู้ที่มีปัญหากรดไหลย้อนมีอากาดีขึ้น คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว มีคุณสมบัติเป็นด่าง จึงช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะ อีกทั้งยังช่วยในการปรับสมดุลย์ของลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่หิวบ่อย ส่งผลให้พฤติกรรมการรับประทานมื้อดึกค่อยๆลดลง
รับประทาน คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว วันละ 2 แคปซูล เช้า 1 เม็ด ก่อนนอน 1 เม็ด สาหรับช่วงที่มีอาการ เจ็บหน้าอก ปวดท้อง อันเกิดจากกรดไหลย้อน ให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด
คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว กับระบบขับถ่าย
คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว กับระบบขับถ่าย
การขับถ่ายที่ดีหรือไม่ดีอยู่ที่สภาวะแวดล้อมของลำไส้ หากลำไส้มีจุลินทรีย์ไบฟิโด มากระบบการขับถ่ายก็จะดี คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว มีอินูลินซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ไบฟิโด จึงช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดของเสีย ปัญหาของการถ่ายยากถ่ายไม่ออก อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น เช่นเป็นโรคริดสีดวงทวาร แผลในลำไส้ และมะเร็งในลำไส้ในที่สุด
อันตรายจากการรับประทานยาระบาย
ยาระบายทำหน้าที่ในการกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหยุดรับประทานลำไส้จะไม่ทำงาน จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อีกทั้งหากอุจจาระ มีลักษณะแข็งเมื่อเมื่อลำไส้ถูกกระตุ้นให้บีบตัว ของเสียที่แข็งนี้ก็จะขูดกับผนังลำไส้ทำให้เกิดเป็นแผล ขึ้นในลำไส้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เชื่อโรคจูโจมผนังลำไส้ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้เป็นอย่างมาก
ทางออกของผู้ที่มีปัญหาท้องผูกควรรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยให้มาก และดื่มน้ำต่อวันให้ได้ 8-12 แก้ว และที่สำคัญคือรับประทาน คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว เป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยเพิ่ม ไบฟิโดจุลินทรีย์
ระบบขับถ่ายของมนุษย์
ร่างกายมนุษย์มีกลไกต่าง ๆ คล้ายเครื่องยนต์ ร่างกายต้องใช้พลังงาน การเผาผลาญพลังงานจะเกิดของเสีย ของเสียที่ร่างกายต้องกำจัดออกไปมีอยู่ 2 ประเภท
1. สารที่เป็นพิษต่อร่างกาย
2. สารที่มีปริมาณมากเกินความต้องการ
ระบบการขับถ่าย เป็นระบบที่ร่างกายขับถ่ายของเสียออกไป ของเสียในรูปแก๊สคือลมหายใจ ของเหลวคือเหงื่อและปัสสาวะ ของเสียในรูปของแข็ง คือ อุจจาระการขับถ่าย ของเสียทางลำไส้ใหญ่ การย่อยอาหารซึ่งจะสิ้นสุดลงบริเวณ รอยต่อระหว่างลำไส้เล็กกับลำไส้ใหญ่ ลำไส้ใหญ่ยาวประมาณ 5 ฟุต ภายในมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 นิ้ว เนื่องจากอาหารที่ลำไส้เล็กย่อยแล้ว จะเป็นของเหลวหน้าที่ของลำไส้ใหญ่ครึ่งแรก คือ ดูดซึมของเหลว น้ำ เกลือแร่และน้ำตาลกลูโคสที่ยังเหลืออยู่ในกากอาหาร ส่วนลำไส้ใหญ่ครึ่งหลังจะเป็นที่พักกากอาหาร ซึ่งมีลักษณะกึ่งของแข็ง ลำไส้ใหญ่จะขับเมือก ออกมาหลอลื่น เพื่อให้อุจจาระเคลื่อนไปตามลำไส้ใหญ่ได้ง่ายขึ้น ถ้าลำไส้ใหญ่ดูดน้ำมากเกินไป เนื่องจากกากอาหารตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่หลายวันจะทำให้กากอาหารแข็ง เกิดความลำบากในการขับถ่าย ซึ่งเรียกว่า ท้องผูก
สาเหตุของอาการท้องผูก
- กินอาหารที่มีกากอาหารน้อย
- กินอาหารรสจัด
- การถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลาหรือกลั้นอุจจาระติดต่อกันหลายวัน
- ดื่มน้ำชา กาแฟ มากเกินไป
- สูบบุหรี่จัดเกินไป
- เกิดความเครียด หรือความกังวลมาก โดยปกติ
คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว กับการลดน้ำหนัก
คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว กับการลดน้ำหนัก
ในขบวนการเผาไหม้ของร่างกายทำให้เกิดการสะสมของอาหารในแต่ละวัน และจะถูกเก็บไว้ในรูปของไขมันที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์ คลอโรฟิลล์ช่วยในขบวนการสร้างเม็ดเลือดให้กับร่างกายและเลือดเป็นตัวนำพา ออกซิเจนไปให้กับเซลล์เพื่อทำหน้าที่ในการเปลี่ยนอาหารให้กลายเป็นพลังงาน ในขบวนการนี้จำเป็นต้องอาศัย โคเอ็นไซม์คิวเท็น เข้าไปช่วย หากปราศจาก โคเอ็นไซม์คิวเท็นแล้ว ขบวนการเปลี่ยนพลังงานก็จะไม่สามารถทำได้ ก็จะเกิดการสะสมของไขมันขึ้น
ICQ กับการลดน้ำหนัก
รูปร่างดี ดูมีสัดส่วน เป็นที่ปรารถนาของทั้งชายและหญิง จึงมีผลิตภัณฑ์มากมายที่ออกมาสนองตอบความต้องการของตลาด มีทั้งในรูปยากระตุ้น และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อะไรคือสาเหตุสาคัญที่ทาให้น้าหนักเกินจากที่ควรจะเป็น
1.การบริโภคอาหารมากเกินขนาด ที่ควรรับประทาน รวมไปถึงการแบ่งมื้ออาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่นไม่รับประทานอาหารเช้าแต่รับประทานอาหารมื้อค่าปริมาณมาก หรือการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
2.ปัญหาการดูดซึมสารอาหารในลาไส้ไม่ดี ทาให้อิ่มช้า อาจมาจากการทางานไม่ดีของตับ หรือจุลินทรีย์ดีมีน้อยในร่างกาย
3.ขบวนการเผาไหม้ของร่างกายบกพร่อง ไม่สามารถนาสารอาหารไปเผาไหม้ได้ จนร่างกายต้องนาไปเก็บสะสมกลายเป็นไขมันสะสม
4.การรับประทานอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตชนิดดูดซึมเร็ว มากเกินไป ทาให้เกิดสภาวะน้าตาลสูงเร็วซึ่งส่งผลต่อการทางานของฮอร์โมนอินซูลิน และนาไปสู่โรคเบาหวานในอนาคต
ลดและควบคุมน้าหนักด้วย คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว รับประทาน 1 เม็ด ก่อนอาหาร ประมาณ 15-20 นาที จะช่วยให้การทางานของลาไส้ดีขึ้น ทั้งการดูดซึมสารอาหาร ตลอดจนการปรับสภาพแวดล้อมในลาไส้ให้ดีขึ้น ทาให้รู้สึกอิ่มเร็ว จึงควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ก่อน และควรลดอาหารประเภทแป้งและน้าตาลลง คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว ยังช่วยให้ขบวนการเผาไหม้ของร่างกายดียิ่งขึ้น ส่งผลต่อการลดการสะสมของไขมันในร่างกาย
สาหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้าหนัก มากขึ้น ควรออกกาลังกายควบคู่กับการรับประทาน คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว โดยรับประทานเพิ่ม1-2 เม็ด ก่อนออกกาลังกายและดื่มน้ามากๆ
การลดน้าหนักด้วย คลอโรฟิลล์ พลัส ไอซีคิว จึงเป็นวิธีทีดียอดเยี่ยม เพราะมีความปลอดภัยไม่ทาให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย อีกทั้งยังทาให้ร่างกายแข็งแรงป้องกันโรคภัยต่างๆ อีกหลายชนิด คลอโรฟิลล์พลัสไอซีคิวจึงเป็นนวัตกรรมการลดน้าหนักที่เหมาะกับทุกคน
มหัตภัยโรคอ้วน
ปัจจุบันนี้ โรคอ้วน ได้กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม คนอ้วนมีอัตราการเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน สาเหตุแห่งการอ้วนมาจากหลายปัจจัย เช่น การบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไป การขาดการออกกำลังกาย และการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป
- อาหารฟาสต์ฟู้ด ในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเป็นอันมากจากผู้บริโภค ซึ่งอาหารเหล่านี้นั้นอุดมไปด้วย ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลในปริมาณสูง อีกทั้งผู้บริโภครู้สึกดีที่ได้บริโภคเพราะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตัวเองนั้นมีรสนิยมดี (ค่านิยมฝรั่ง)
- เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ คอมพิวเตอร์ เหล่านี้ทำให้ประชากรนั้นทำงานน้อยลง ได้เคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ชีวิตประจำวันของประชากรนั้นเปลี่ยนไป จากนอนแต่หัวค่ำ ตื่นเช้า กลายมาเป็น นอนดึก ตื่นสาย แม้ว่าการนอนดึกตื่นสายนั้น จะมีชั่วโมงในการนอนเท่าเทียมกับการนอนหัวค่ำ ตื่นเช้าก็ตาม แต่ตื่นมา ในช่วยจังหวะเวลาที่ไม่ถูกต้อง กระบวนการในร่างกายทำงานผิดจังหวะ
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ออกกำลังกาย มักเป็นข้ออ้างเสมอๆของผู้ที่เป็นโรคอ้วนว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งถ้าเราจัดสรรเวลาในชีวิตดีๆ เราทุกคนจะสามารถมีเวลาออกกำลังกาย เพียงแค่วันละ 30 นาที เป็นระยะเวลา 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายได้ขับของเสียออกมา ทำให้ไต ตับ ทำงานน้อยลง และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภายใน อีกทั้งกล้ามเนื้อตามร่างกาย ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ประวัติการค้นพบคอโรฟิลล์
ประวัติการค้นพบคอโรฟิลล์
ปี 1961 นักวิทยาศาสตร์ชื่อ Melvin Calvin ได้รับรางวัลโนเบล ในการค้นคว้าความสัมพันธ์ของคลอโรฟิลล์ในใบพืช มีส่วนสำคัญในขบวนการสังเคราะห์แสง ในปี 1915 Dr.Richard Wilstatter ได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบโครงสร้างของคลอโรฟิลล์ จากนั้นเพียง 15 ปี Dr.Hans Fisher ได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบโครงสร้างของอะตอมเม็ดเลือดแดง (Heme) มีโครงสร้างเหมือนคลอโรฟิลล์ จากงานวิจัยสรุปได้ว่า เมื่อร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์บางส่วนของคลอโรฟิลล์จะถูกเปลี่ยนเป็นฮีม ทำให้ร่างกายมีปริมาณเลือดที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เพิ่มมาขึ้น ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ ช่วยเพิ่มปริมาณเลือดให้กับร่างกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ ช่วยขจัดสารพิษใน เลือด ตับ และไต ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลในร่างกาย ให้ความสดชื่น ผิวพรรณสด ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น มีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ฯลฯเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์ Richard Willstaetter ค้นพบเม็ดสีหลายชนิดในพืชรวมทั้งสีแดงในเลือดของมนุษย์
จากการริเริ่มงานดังกล่าวทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี คศ 1915 ซึ่งนับว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์ จากนั้น Hans Fischer นักชีวเคมีชาวเยอรมันพบว่า คลอโรฟิลล์เป็นพิคเมนท์สีเขียวที่พบในพืช และเฮมินเป็นพิคเมนท์สีแดงที่อยู่ในฮีโมโกบิลในเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ จากผลงานดังกล่าวทำให้เขาได้รับรับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี คศ 1930 แต่เสียชีวิตก่อนที่จะสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ได้สำเร็จ ปี คศ 1960 Robert Burns Woodward สามารถสังเคราะห์คลอโรฟิลล์เป็นผลสำเร็จ ต่อจากนั้นมาจนถึงปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความรู้เกี่ยวกับคลอโรฟิลล์และบทบาทที่สำคัญในพืช
หากต้องการค้นเพิ่มเติม: สามารถค้นได้จากเวบไซต์ของผู้ที่ได้รับราววัลโนเบล (( Reference: Chloroplast model from
มารู้จักการทำงานของคลอโรฟิลล์
คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) เป็นเม็ดสีที่พบในพืช ผัก สาหร่ายสีเขียว ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นน้ำตาลกลูโคส โดยต้องทำงานร่วมกับโปรตีนชนิดอื่นๆที่อยู่ในพืช ปกติคลอโรฟิลล์จะอยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า คลอโรพลาส (chloroplast) คลอโรฟิลล์มีโครงสร้างโมเลกุลของporphyrin ซึ่งคล้ายกับ heme ใน hemoglobin ในเลือดของมนุษย์ แต่ก็เป็นเพียงความคล้ายคลึงกันของโมเลกุล โดยอะตอมกลางของคลอโรฟิล์ดจะเป็นแมกนีเซียม ส่วนอะตอมกลางของ heme เป็นเหล็ก คลอโรฟิล์ดจะทำหน้าที่ได้ก็ต้องอยู่ในพืชที่มีชีวิต และทำงานร่วมกับโปรตีนอื่นๆที่อยู่ในเซลล์พืชทำให้มนุษย์และสัตว์ที่บริโภคผักสีเขียวได้รับสารอาหารแมกนีเซียมไปด้วย เพียงกรดในกระเพาะอาหารก็เพียงพอจะทำให้คลอโรฟิล์ดถูกย่อยไปแล้ว
การวิจัยทางทางวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์แค่บอกว่าโมเลกุลคล้ายกัน ไม่ได้บอกว่าทำหน้าที่เหมือนกัน เหมือนกับการที่นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าเหล็กเป็นอะตอมกลางของเม็ดเลือดแดง ก็ไม่ใช่ว่าเราจะกินเหล็ก ในส่วนร่างกายมนุษย์ เม็ดเลือดแดงถูกสร้างจากไขกระดูก ดังนั้นการที่กินน้ำคลอโรฟิลล์เข้าไป มันอยู่ในระบบย่อยอาหาร สารอาหารที่ถูกย่อยจะต้องถูกย่อยแล้วดูดซึมผ่านกระแสเลือด ในรูปของน้ำตาลและแร่ธาตุ ส่วนกระแสเลือดเป็นอีกระบบนึง ซึ่งในคลอโรฟิลล์ ไม่มีโมเลกุลของเหล็ก การเพิ่มปริมาณการสร้างเม็ดเลือด ทำได้โดยกินธาตุเหล็ก สังเกตได้จาก ช่วยขจัดสารพิษในเลือด ตับ ไต ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลให้กับร่างกาย ให้ความสดชื่น ผิวพรรณสดใส ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
สรุปประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ทางการแพทย์
- ช่วยขจัดสารพิษในเลือด ตับ และไต
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ปรับสมดุลในร่างกาย
- ให้ความสดชื่น
- ดับกลิ่นปาก
- ผิวพรรณสดใน
- ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
- โรคทางเดินอาหาร
- โรคผิวหนังต่างๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)